วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บุคคลสำคัญในเอเชีย




มหินทะ ราชปักษา
              มหินทะ ราชปักษา เกิดเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 1945 ที่เมืองฮัมบันโตตา เขตฮัมบันโตตา (Hambantota District) มณฑลภาคใต้ (Southern Province) ประเทศศรีลังกา ในครอบครัวนักการเมือง โดยนายดอน อัลวิน ราชปักษา (Don Alwin Rajapaksa) ผู้เป็นบิดา เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรคอิสรภาพศรีลังกา (Sri Lankan Freedom Party – SLFP) พรรคแกนนำรัฐบาลศรีลังกาชุดปัจจุบัน และเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและที่ดินในรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีวิเชนันทะ ทะหะนัยเก (Wijenanda Dahanayake) ในขณะที่ลุงของเขา ดอน แมทธิว ราชปักษา (Don Mathew Rajapaksa) ก็เป็นสมาชิกสภาแห่งรัฐของศรีลังจาก (State Council of Sri Lanka) จากเขตฮัมบันโตตา นอกจากนี้ ตระกูลราชปักษายังเป็นเจ้าของที่ดิน ที่นา และสวนมะพร้าวจำนวนมากในเขตนี้อีกด้วย

                มหินทะ ราชปักษา มีพี่น้องทั้งหมด 9 คน เป็นชาย 6 คน หญิง 3 คน โดยมหินทะเป็นบุตรคนที่ 2 และในจำนวน 9 คนนี้ มี 3 รับตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาลของเขา คือ นายจะมาล ราชปักษา (Chamal Rajapaksa) ประธานรัฐสภาศรีลังกา นายเบสิล ราชปักษา (Basil Rajapaksa) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจ และนายโคตาภัย ราชปักษา (Gotabhaya Rajapaksa) ปลัดกระทรวงกลาโหมและการพัฒนาเมือง (Ministry of Defense and Urban Development) นอกจากนี้ ยังไม่นับรวมบุคคลรุ่นลูกที่ทำงานในองค์กรเอกชนสำคัญระดับชาติอีกจำนวนมาก
               มหินทะ ราชปักษา ได้รับการศึกษาทางธรรมที่วัดคัลเกติยะ (Galketiya Viharaya) ในเมืองกอล มณฑลภาคใต้ ตั้งแต่ยังเยาวัย จนเมื่ออายุ 6 ควบ มหินทะ ราชปักษาได้เข้าศึกษาที่วิทยาลัยริชมอนด์ (Richmond College) ในเมืองกอล จากนั้นก็ย้ายไปศึกษายังวิทยาลัยนาลันทา (Nalanda College) และวิทยาลัยเธิร์สตัน (Thurston College) ในกรุงโคลัมโบ นอกจากนี้ ในปี 1973 มหินทะได้เข้าศึกษาวิชากฎหมายในระดับปริญญาตรีที่วิทยาลัยนิติศาสตร์แห่งศรีลังกา (Sri Lanka Law College) และสอบได้เนติบัณฑิตในปี 1977 โดยในช่วงที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและช่วงที่ไม่ได้รับตำแหน่งทางการเมืองใดๆ มหินทะ ราชปักษาประกอบอาชีพทนายความในเมืองตังคัลเล (Tangalle) ในเขตฮัมบันโตตา

               ชีวิตทางการเมืองของมหินทะ ราชปักษา เริ่มขึ้นเมื่อได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากเขตเลือกตั้งเบเลียตตา (Beliatta) เขตฮัมบันโตตา ในปี 1970 ซึ่งขณะนั้นมหินทะมีอายุเพียง 25 ปีเท่านั้น โดยถือเป็นการสืบทอดตำแหน่งทางการเมืองจากพ่อของเขา ซึ่งได้เสียชีวิตลงไปเมื่อสามปีก่อนหน้านั้น ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งนี้ มหินทะ ราชปักษา มีความสนใจในปัญหาตะวันออกกลางมากและสนับสนุนประเทศอาหรับและโลกมุสลิม ดังจะเห็นได้จากในปี 1975 ที่มหินทะ ราชปักษา เป็นผู้ก่อตั้งและดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการศรีลังกาสานสัมพันธ์ปาเลสไตน์ (Sri Lankan Committee for Solidarity with Palestine) เพื่อสนับสนุนรัฐปาเลสไตน์ โดยได้เดินทางไปเข้าร่วมการประชุมระดับนานาชาติว่าด้วยปาเลสไตน์ อีกทั้งยังเคยพบปะหารือกับนายยัสเซอร์ อาราฟัต ผู้นำองค์การปลดปลอยปาเลสไตน์ (Palestine Liberation Organization) ในขณะนั้น หลายครั้งในต่างประเทศ ช่วงเวลาแห่งการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกของมหินทะสิ้นสุดลงในปี 1977 เมื่อพรรค SLFP แพ้การเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย เปิดทางให้พรรค United National Party (UNP) ขึ้นมามีอำนาจแทน

               มหินทะ ราชปักษา ได้รับเลือกตั้งอีกครั้งในปี 1989 โดยได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในรัฐบาลของประธานาธิบดีจันทริกา กุมารตุงคะ (Chandrika Kumaratunga) ระหว่างปี 1994 – 1997 และได้พยายามออกกฎหมายคุ้มครองแรงงาน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ต่อมาเมื่อมีการปรับคณะรัฐมนตรี มหินทะ ราชปักษา  ได้ถูกโยกย้ายไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการประมงและทรัพยากรน้ำระหว่างปี 1997 - 2001 โดยในช่วงนี้ มหินทะได้ริเริ่มโครงการที่พักอาศัยสำหรับชาวประมงที่ไร้ที่อยู่ และก่อตั้ง Ocean University of Sri Lanka เพื่อการพัฒนาองค์ความรู้ด้านสมุทรศาสตร์ (Oceanography) ของประเทศ


               ในปี 2002 มหินทะ ราชปักษา ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในรัฐสภาภายหลังจากที่พรรค SLFP พ่ายแพ้อีกครั้งในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนธันวาคมปี 2001อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2004 กลุ่มพันธมิตรเสรีภาพประชาชนรวม (United People’s Freedom Alliance – UPFA) ซึ่งพรรค SLFP เป็นสมาชิก ได้รับชัยชนะอย่างเฉียดฉิว มหินทะ ราชปักษา ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 13 ของศรีลังกา พร้อมกับควบตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงทางหลวง (Ministry of Highways) ต่อมาเมื่อประธานาธิบดีจันทริกา กุมารตุงคะ หมดวาระลงในเดือนพศจิกายนปี 2005 มหินทะ ราชปักษา ได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 6 ของศรีลังกา โดยสามารถเอาชนะนายรานิล วิกกรมสิงเห (Ranil Wickramasinghe) ผู้ท้าชิงจากพรรค United People Party ซึ่งเป็นผู้นำฝ่ายค้านในขณะนั้น อย่างเฉียวฉิวด้วยคะแนนเสียง 50.3%

ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก มหินทะ ราชปักษา ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ซึ่งเริ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปี 2010 มหินทะได้ควบตำแหน่งรัฐมนตรีเพิ่มอีก 3 ตำแหน่ง ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและการวางแผน กระทรวงการท่าเรือและการบิน และกระทรวงทางหลวง
               ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี มหินทะ ราชปักษา ได้ยุติสงครามกลางเมืองที่ดำเนินมานานกว่าสองทศวรรษ โดยยกเลิกข้อตกลงหยุดยิงและกระบวนการเจรจาสันติภาพ ซึ่งมีนอร์เวย์เป็นผู้อำนวยความสะดวก เนื่องจากเห็นว่าเป็นข้อตกลงที่โอนอ่อนและให้ประโยชน์แก่ฝ่ายพยัฆทมิฬอิแลมมากเกินไป ในขณะเดียวกันก็หันมาใช้กำลังทหารในการปราบปรามอย่างเด็ดขาดและต่อเนื่องโดยไม่ให้ฝ่ายพยัฆทมิฬฯ สามารถตั้งตัวได้ ส่งผลให้กองทัพรัฐบาลสามารถยึดครองพื้นที่ของฝ่ายดังกล่าวได้ทั้งหมดอย่างรวดเร็วจนกระทั้งฝ่ายดังกล่าวประกาศยอมแพ้อย่างเป็นทางการในวันที่ 17 พฤษภาคม 2009 ปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของสงครามต่อต้านการก่อร้าย (Global War on Terror) ทำให้มหินทะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากประชาคมนานาชาติอย่างหนักในประเด็นเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน เนื่องจากมีพลเรือนเสียชีวิตในปฏิบัติการครั้งนี้ถึง 40,000 คน ตามรายงานของสหประชาชาติ อย่างไรก็ตาม ภายหลังสิ้นสุดสงครามกลางเมือง มหินทะ ราชปักษา ได้ประกาศให้ภาษาทมิฬเป็นภาษาประจำชาติของศรีลังกาควบคู่ไปกับภาษาสิงหล พร้อมกับได้ดำเนินโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ที่เคยอยู่ภายใต้การยึดครองของกลุ่มพยัฆทมิฬฯ อีกทั้งยังได้เชื้อเชิญให้ชาวทมิฬโพ้นทะเลกลับมาช่วยพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวร่วมกับรัฐบาลอีกด้วย
               การบริหารประเทศของมหินทะ ราชปักษา มีส่วนสำคัญที่ทำให้ศรีลังกามีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากร้อยละ 3.5 ในปี 2009 เป็นร้อยละ 8.3 ในปี 2011 รัฐบาลได้ดำเนินโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอย่าง โดยได้เพิ่มจำนวนทางหลวงแผ่นดินและโรงไฟฟ้าตามพื้นที่ส่วนต่างๆ ของประเทศ ขยายท่าเรือเดิมและสร้างท่าเรือเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะท่าเรือนานาชาติปลอดภาษีฮัมบันโตตา (Port of Hambantota) ซึ่งรองรับเรือเดินสมุทรบนเส้นทางการค้าทางทะเลสายตะวันออกตะวันตกและหากสร้างเสร็จ ก็จะกลายเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ มหินทะ ราชปักษา ยังมีนโยบายทางด้านภาษีเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศในสาขาต่างๆ
              ในด้านชีวิตส่วนตัว มหินทะ ราชปักษา สมรสกับนางศิรันติ ราชปักษา (Shiranthi Rajapaksa) อดีตมิสศรีลังกาปี 1973 และผู้เข้าชิงตำแหน่งมิสเวิร์ลด์ปีเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันเป็นนักจิตวิทยาเด็กและนักการศึกษาเด็กก่อนวัยเรียน พวกเขามีบุตรชายด้วยกัน 3 คน โดยนะมัล (Namal) บุตรคนโต ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตฮัมบันโตตา ในขณะโยศิตะ (Yoshitha) บุตรคนรอง เป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์ Carlton Sports Network (CSN)